นมน้ำเหลืองในสุนัข
เขียนโดย Sylvie Chastant และ Hanna Mila
ระยะแรกคลอดเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงในสุนัขเนื่องจากร้อยละ 20 ของลูกสุนัขจะเสียชีวิตก่อนที่จะมีอายุได้ 21 วันโดยที่การเสียชีวิตร้อยละ 70 เกิดภายในสัปดาห์แรกหลังคลอด (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)
Article
ประเด็นสำคัญ
นมน้ำเหลืองหรือ colostrum มีความสำคัญต่อความอยู่รอดของลูกสุนัขเพราะเป็นแหล่งสารอาหารและอิมมูโนโกลบูลิน (Ig) ที่สำคัญในลูกสุนัขแรกเกิด
ความเข้มข้นของอิมมูโนโกลบูลินในนมน้ำเหลืองช่วงสองวันแรกหลังคลอดจะมีความเข้มข้นมากกว่าในน้ำนมปกติถึง 5 เท่า แต่จะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป
คุณภาพของอิมมูโนโกลบูลินจะแตกต่างกันไปในแม่สุนัขแต่ละตัวและในแต่ละเต้านมของสุนัขตัวเดียวกัน อีกทั้งตำแหน่งของเต้านมที่มีนมน้ำเหลืองคุณภาพดีที่สุดจะต่างกันไปในสุนัขแต่ละตัวอีกด้วย
การเฝ้าติดตามการเจริญเติบโตของลูกสุนัขในช่วงสองวันแรกเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีในการคาดเดาการอยู่รอดของลูกสุนัขในช่วงแรกเกิด
ปัจจุบันยังไม่มีสิ่งที่มาทดแทนนมน้ำเหลืองอย่างสมบูรณ์ในแง่ของพลังงานและภูมิคุ้มกัน
บทนำ
ระยะแรกคลอดเป็นช่วงที่มีความเสียงสูงในสุนัขเนื่องจากร้อยละ 20 ของลูกสุนัขจะเสียชีวิตก่อนที่จะมีอายุได้ 21 วันโดยที่การเสียชีวิตร้อยละ 70 เกิดภายในสัปดาห์แรกหลังคลอด [1][2] การอยู่รอดของลูกสุนัขในช่วงสัปดาหแรกขึ้นกับนมน้ำเหลืองซึ่งเป็นสารคัดหลั่งจากเต้านมช่วงสองวันหลังคลอดเป็นอย่างมาก นมน้ำเหลืองเป็นแหล่งพลังงานและอิมมูโนโกลบูลิน (Ig) เพราะลูกสุนัขหลังคลอดจะไม่มีภูมิคุ้มกันเลย (agammaglobulinemia) ความเสี่ยงในการเสียชีวิตช่วงแรกคลอดของลูกสุนัขจึงขึ้นอยู่กับสองปัจจัย หนึ่งคือการได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านนมน้ำเหลืองซึ่งประเมินได้จากระดับ Ig ในตัวลูกสุนัขที่อายุ 2 วัน อีกปัจจัยหนึ่งคือการเจริญเติบโตของลูกสุนัขในช่วง 2 วันแรกโดยลูกสุนัขไม่ควรมีน้ำหนักลดลงจากน้ำหนักแรกคลอดเกินร้อยละ 4 [3]4 พลังงานและภูมิคุ้มกันที่ลูกสุนัขได้รับจากนมน้ำเหลืองจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่ลูกสุนัขทุกตัวที่จะได้รับนมน้ำเหลืองอย่างเพียงพอ พบว่าลูกสุนัขที่อายุสองวันร้อยละ 20 มีภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ในปริมาณที่ต่ำและร้อยละ 30 มีการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าปกติ [3]4
โครงสร้างและองค์ประกอบของนมน้ำเหลือง
นมน้ำเหลืองเป็นสารชนิดแรกที่หลั่งจากเต้านมของแม่หลังการคลอดและอาจพบได้บ้างก่อนคลอด นมน้ำเหลืองจะถูกแทนที่ด้วยน้ำนมช่วงสองถึงสามวันถัดมา (ตาราง 1) ปริมาณนมน้ำเหลืองที่แม่สุนัขผลิตได้จริงยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
| Days of lactation | |||||
| 1 | 3 | 7 | 14 | 21 | |
| Nutrients | Colostrum | Milk | Milk | Milk | Milk |
| Proteins (g/L) | 143.0 | 102.3 | 81.7 | 66.8 | 68.4 |
| Immunoglobulin G (g/L) | 24.8 | * | 5.9 | 0.6 | 0.6 |
| Lipids (g/L) | 132.2 | 137.2 | 132.1 | 118.5 | 112.5 |
| Lactose (g/L) | 16.6 | 29.3 | 35.4 | 39.9 | 39.4 |
| Calcium (mg/L) | 1,363 | 1,366 | 1,773 | 1,950 | 1,929 |
| Phosphorus (mg/L) | 935 | 914 | 1,166 | 1,175 | 1,359 |
| Energy (kcal/L) | 1,831 | 1,761 | 1,657 | 1,493 | 1,444 |
* value unknown
เนื้อเยื่อเต้านมได้รับการกระตุ้นให้สร้างน้ำนมโดยฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจนเตอโรนในระยะตั้งท้อง จากนั้นการหลั่งน้ำนมจะถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนโปรแลคตินเมื่อระดับโปรเจสเตอโรนลดลง องค์ประกอบบางชนิดของนมน้ำเหลืองถูกผลิตโดย epithelial cell ของเต้านมเช่นโปรตีน แลคโตส และไขมัน องค์ประกอบอื่นเช่นอิมมูโนโกลบูลิน (Ig) เซลล์เม็ดเลือดขาว ฮอร์โมน และ growth factor บางตัวได้รับถ่ายทอดจากเลือดของแม่สุนัขโดยตรง ลักษณะของนมน้ำเหลืองเมื่อมองด้วยตาเปล่าจะมีความข้นและสีเหลืองกว่าเมื่อเทียบกับน้ำนม ในเชิงคุณภาพจะพบว่านมน้ำเหลืองมีปริมาณโปรตีนสูงกว่าในน้ำนมหลังคลอด 2 สัปดาห์ถึง 2 เท่าจากการที่อุดมไปด้วยอิมมูโนโกลบูลิน นมน้ำเหลืองมีปริมาณไขมันเกินร้อยละ 10 ซึ่งสูงกว่าน้ำนมเล็กน้อย และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าน้ำนมครึ่งหนึ่ง 5[6] สัดส่วนองค์ประกอบหลักของนมน้ำเหลืองแตกต่างกันไปในแต่ละการศึกษาจากการที่มีจำนวนการศึกษาไม่มาก ความแตกต่างกันของสุนัขที่ทำการศึกษาแต่ละตัว รวมถึงความแตกต่างของวิธีที่ใช้ในการวิเคราะห์ พบว่ามีปริมารโปรตีนร้อยละ 4-14 ไขมันร้อยละ 6-13 และคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 1.7-2.3 (5[7][8] และข้อมูลที่ไม่ได้ตีพิมพ์)
โปรตีนที่พบในนมน้ำเหลืองของสุนัขร้อยละ 60 คือเคซีน (casein) และมีอิมมูโนโกลบูลินอยู่ร้อยละ 20-37 [6][7][9][10] พบอิมมูโนโกลบูลินทั้งสามชนิด (IgG IgM และ IgA) โดยมีปริมาณ IgG สูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 60-75 ของอิมมูโนโกลบูลินที่พบทั้งหมด ส่วน IgE นั้นตรวจไม่พบเลย ปริมาณ IgG แรกพบในนมน้ำเหลืองหลังคลอดอยู่ที่ 15-30 g/L แต่จะลดลงอย่างรวดเร็วเหลือประมาณ 5 g/L ในวันที่ 7 หลังคลอดและน้อยกว่า 1 g/L สองสัปดาห์หลังคลอด (ข้อมูลที่ไม่ได้ตีพิมพ์) ปริมาณของ IgG ในน้ำนมจึงน้อยกว่าในนมน้ำเหลืองถึง 20 เท่า ปริมาณของ IgA ในนมน้ำเหลืองคิดเป็นร้อยละ 16-40 ของ Ig ที่พบในนมน้ำเหลืองแต่ภายหลังพบได้เยอะที่สุดในน้ำนม [7][10] (รูป 1) IgG ในนมน้ำเหลืองมาจากซีรั่มของแม่แต่มีส่วนน้อยที่ผลิตได้เองที่ต่อมน้ำนม [11] ต่อมน้ำนมมีหน้าที่ในการเพิ่มความเข้มข้นของ IgG ในนมน้ำเหลืองจนมีปริมาณ IgG มากกว่าในเลือดของแม่สุนัขถึง 3 เท่า แต่ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างปริมาณความเข้มข้นของ IgG ในนมน้ำเหลืองและในซีรั่มของแม่ [10][12] การสร้างความเข้มข้นแบบเจาะจงอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนและถูกเก็บเอาไว้ใน alveoli จากนั้นจึงหลั่งออกมาหลังคลอด [13] IgA และ IgM ถูกสร้างขึ้นภายในเต้านมโดยลิมโฟไซต์ [13]
พบ trypsin inhibitor ในนมน้ำเหลืองซึ่งช่วยลดการถูกย่อยสลายของ Ig ในกระเพาะของลูกสุนัขทำให้เพิ่มการดูดซึมได้ดีขึ้นแต่ไม่พบสารชนิดนี้ในน้ำนม [14] นอกจากนี้ยังพบสารอื่นในนน้ำเหลืองที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ (lactoferrin และ lysozyme) ฮอร์โมน (cortisol thyroxine insulin และ growth hormone) รวมถึง growth factor (insulin-like growth factor epidermal growth factor และ nerve growth factor) 15 สารที่กล่าวมาข้างต้นมีส่วนสำคัญในการเติบโตและพัฒนาการของอวัยวะต่างๆเช่นต่อมไทรอยด์และลำไส้ รวมถึงสุขภาพโดยรวมของลูกสุนัข (โปรดดูด้านล่าง)
นมน้ำเหลืองของสุนัขมีปริมาณเอนไซม์ gamma-glutamyl transferase และ alkaline phosphatase สูงกว่าในซีรั่มของแม่สุนัข 100 และ 10 เท่าตามลำดับ 16 เอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้จะไม่พบในเลือดของลูกสุนัขแรกคลอดทำให้การตรวจหาระดับเอนไซม์ในลูกสุนัขเป็นการยืนยันได้ว่าลูกสุนัขได้รับนมน้ำเหลืองหรือไม่แต่ระดับของเอนไซม์ที่ตรวจได้ไม่มีความสัมพันธ์กับปริมาณ IgG
นมน้ำเหลืองของสุนัขยังประกอบไปด้วยเซลล์หลายชนิดทั้งมาโครฟาจ นิวโทรฟิลล์และลิมโฟไซต์ เซลล์เหล่านี้ถูกดูดซึมผ่านลำไส้ของลูกสุนัขก่อนที่ผนังลำไส้จะปิดตัว เข้าไปในกระแสเลือดหรือมีบทบาทในการระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบ cellular humoral หรือ local 17
หน้าที่ของนมน้ำเหลืองในสุนัข
ลักษณะรกของสุนัขทำให้เซลล์ขนาดใหญ่เช่น Ig แทบไม่สามารถผ่านเข้าไปได้จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมลูกสุนัขแรกคลอดจึงมีระดับ IgG ในกระแสเลือดต่ำประมาณ 0.3 g/L เมื่อเทียบกับสุนัขโตที่ 8-25 g/L [3][18][19] การกินนมน้ำเหลืองจึงเป็นการส่งผ่านภูมิคุ้มกันจากแม่ทำให้ระดับ IgG ของลูกสุนัขขึ้นมาเป็น 6 g/L ภายใน 48 ชั่วโมง คาดว่าร้อยละ 85-95 ของ IgG ในลูกสุนัขได้มาจากนมน้ำเหลือง [20] การดูดซึม Ig ทำได้มากขึ้นจากผลของ trypsin inhibitor เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของนมน้ำเหลืองและเป็นปัจจัยในความอยู่รอดของลูกสุนัขเพราะสาเหตุการตายในลูกสุนัขแรกคลอดส่วนมากมาจากการติดเชื้อ [21] บทบาทของ lactoferrin ในนมน้ำเหลืองเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขมีไม่มาก [22] และยังไม่มีการระบุบทบาทของเซลล์ภูมิคุ้มกันที่พบในนมน้ำเหลืองอย่างชัดเจน การที่ลูกสุนัขจะได้รับภูมิคุ้มกันที่ส่งผ่านจากแม่จำเป็นต้องได้รับนมน้ำเหลืองภายใน 8 ชั่วโมงหลังคลอด (รูป 2) โดยมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ
- ปริมาณ IgG ในนมน้ำเหลืองจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังคลอด
- การที่ผนังลำไส้ของลูกสุนัขเกิดการปิดตัวซึ่งจะเป็นช่วงที่เซลล์ขนาดใหญ่รวมถึง IgG จะไม่สามารถผ่านผนังลำไส้เข้าไปยังกระแสเลือดได้อีกต่อไปทำให้ลูกสุนัขmujสามารถดูดซึม IgG ได้ร้อยละ 40 หลังคลอด จะเหลือเพียงร้อยละ 20 ภายในไม่กี่ชั่วโมงและร้อยละ 9 หลังคลอดได้ 12 ชั่วโมง โดยที่ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงหลังคลอดจะไม่พบการดูดซึม IgG เลย [20].
คุณภาพของนมน้ำเหลืองในแง่ปริมาณของ IgG มีความแตกต่างกันในสุนัขแต่ละตัว และระหว่างเต้านมแต่ละคู่ในสุนัขตัวเดียวกัน (รูป 3) การศึกษาฉบับหนึ่งทำการตรวจนมน้ำเหลืองจากสุนัขเพศเมีย 44 ตัว 13 สายพันธุ์ที่คลอดลูก 1 ครอก ระดับ IgG แตกต่างกันในสุนัขแต่ละตัวโดยมีองค์ประกอบทางสถิติ(factor) เท่ากับ 5 ปัจจัยด้านอายุ พันธุ์ของแม่สุนัข และขนาดครอกส่งผลต่อคุณภาพของนมน้ำเหลือง [12] ระดับความเข้มข้น IgG ที่ได้จาก 180 ตัวอย่างซึ่งเก็บจากเต้านมแต่ละคู่มีปริมาณต่างกันตั้งแต่ 0.8 ถึง 61 g/L มีค่าสัมประสิทธิ์ความแปรปรวนระหว่างเต้านมแต่ละคู่ในสุนัขตัวเดียวกันอยู่ที่ร้อยละ 42 [12] อย่างไรก็ตามพบว่าเต้านมคู่ที่สามารถผลิตนมน้ำเหลืองที่มีคุณภาพดีที่สุดต่างกันไปในสุนัขแต่ละตัวจึงไม่แนะนำให้จัดลูกสุนัขให้ดูดนมเฉพาะเต้าใดเต้าหนึ่ง ความแตกต่างด้านคุณภาพของนมน้ำเหลืองระหว่างสุนัขแต่ละตัวและระหว่างเต้าในสุนัขตัวเดียวกันที่ตรวจพบหมายความว่าลูกสุนัขบางตัวมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้สูงกว่าตัวอื่น
นมน้ำเหลืองเป็นแหล่ง IgG ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแบบ systemic immunity ในขณะที่ IgA จะเสริมภูมิคุ้มกันที่ระดับ local โดยเน้นไปที่ mucosal immunity เช่นทางเดินอาหาร IgA จากนมน้ำเหลืองจะช่วยป้องกันทางเดินอาหารและมีบทบาทที่มากขึ้นในช่วงที่เปลี่ยนจากนมน้ำเหลืองมาเป็นน้ำนมซึ่งมีปริมาณ IgA มากขึ้น บางส่วนจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดก่อนที่ผนังลำไส้จะปิดตัวและส่วนที่เหลือจะกระจายไปตามชั้น mucosa หลายบริเวณทั้งในระบบทางเดินอาหารและนอกระบบทางเดินอาหาร [20]23
แม้ว่าอิมมูโนโกลบูลินจากแม่จะช่วยลดอัตราการตายของสุนัขแรกคลอดได้ แต่หลังจากลูกสุนัขอายุได้ 6-8 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจากแม่จะขัดขวางการทำวัคซีนในลูกสุนัข โดยหากปริมาณ IgG ที่ลูกสุนัขได้รับช่วงสองวันแรกหลังคลอดมากเท่าใดจะส่งผลให้มีปริมาณ IgG มากขึ้นในช่วง 6-8 สัปดาห์หลัง 24 เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้การทำวัคซีนไม่ได้ประสิทธิภาพดีพอ การที่ภูมิคุ้มกันจากแม่จะขัดขวางการทำวัคซีนในลูกสุนัขขึ้นอยู่กับสัตว์แต่ละตัว ความสามารถในการก่อภูมิของวัคซีนและขนาดของวัคซีนที่ให้
ลูกสุนัขแรกคลอดมีปริมาณไขมันสะสมน้อยและมีกระบวนการสร้างน้ำตาลที่จำกัด แหล่งพลังงานที่สำคัญจึงมาจากนมน้ำเหลือง การเจริญเติบโตจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อพลังงานที่ลูกสุนัขได้รับสูงกว่าความต้องการระดับ maintenance (รูป 4)
พลังงานจากนมน้ำเหลืองสูงกว่าน้ำนมอย่างน้อยร้อยละ 20 แต่อาจมีปริมาณแหล่งพลังงานแตกต่างกันไปในแม่สุนัขแต่ละตัว และต่างกันได้เล็กน้อยระหว่างเต้านมแต่ละคู่ในแม่สุนัขตัวเดียวกัน อายุ พันธุ์และจำนวนลูกสุนัขในครอกไม่ส่งผลต่อปริมาณพลังงานของนมน้ำเหลือง ร้อยละ 52 ของพลังงานได้มาจากโปรตีนและอีกร้อยละ 40 มาจากไขมัน ความแตกต่างของพลังงานที่วัดได้จะเกิดจากปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน [25]
อิมมูโนโกลบูลินและพลังงานที่ได้จากนมน้ำเหลืองส่งผลต่ออัตราการตายของลูกสุนัขช่วงแรกคลอด [3]4 แต่ทั้งสองอย่างไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน [28] ปริมาณนมน้ำเหลืงอที่ลูกสุนัขควรได้รับเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับที่น่าพอใจคือ 1.3 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 100 กรัม(เมื่อคาดว่าระดับ IgG ในกระแสเลือดจะมีค่าเท่ากับ 2.3 g/L โดยมีอัตราการดูดซึมได้ที่ร้อยละ 40 มีค่า hematocrit ร้อยละ 35 และมีระดับ IgG ในนมน้ำเหลืองเท่ากับ 20 g/L ตรงข้ามกันกับปริมาณนมน้ำเหลืองที่ลูกสุนัขควรได้รับเพื่อให้ได้พลังงานเพียงพอต้องกินถึง 12 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 100 กรัม(คิดจากความต้องการพลังงาน 212 kcal/kg/วันและนมน้ำเหลืองให้พลังงาน 1800 kcal/L
ถึงแม้ว่าการจัดการให้ลูกสุนัขได้รับพลังงานเพียงพอจะดูยากกว่าการทำให้ลูกสุนัขได้รับภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ พบว่าลูกสุนัขที่ขาดพลังงานคิดเป็นร้อยละ 30 แต่มีลูกสุนัขที่ขาด Ig คิดเป็นร้อยละ 20 ปัจจุบันยังไม่มีค่าที่แน่นอนเกี่ยวกับ threshold ของระดับ IgG ในนมน้ำเหลืองและพลังงานที่ลูกสุนัขควรได้รับเพื่อลดอัตราการตายของลูกสุนัขแรกเกิด
การพัฒนาของอวัยวะ
นมน้ำเหลืองยังช่วยในการพัฒนาการเจริญของอวัยวะบางอย่างโดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหารซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและ growth factor ในนมน้ำเหลือง การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าลูกสุนัขที่ได้กินนมน้ำเหลืองมีการพัฒนาของระบบทางเดินอาหารดีกว่าลูกสุนัขที่มีน้ำหนักเท่ากันแต่กินนมผมสูตรสำเร็จถึงร้อยละ 60-95 [26] อย่างไรก็ตามในการศึกษาอื่นไม่ได้มีการสังเกตจุดนี้มากเพียงพอ [27]
การกระตุ้นการสร้างและหลั่งนมน้ำเหลือง
สุนัขบางตัวอาจมีนมน้ำเหลืองน้อยจนถึงไม่มีเลยหลังคลอดซึ่งอาจเป็นผลมาจากการคลอดก่อนกำหนด การผ่าคลอด endotoxemia หรือภาวะทุพโภชนาการ สาเหตที่พบบ่อยที่สุดคือความเครียดจากการคลอดซึ่งพบได้มากในสุนัขท้องแรก เจ้าของสุนัขควรจัดหาสถานที่เงียบและสงบในการคลอดลูกหรือสุนัขบางตัวอาจต้องได้รับยาลดความเครียดเพื่อให้เกิดการสร้างนมน้ำเหลืองได้ (ตาราง 2)
| Medication | Effect | Dosage |
| Acepromazine | Tranquilization; favors release of prolactin and increases secretion of colostrum | 0.1-0.2 mg/kg SC |
| Metoclopramide | Release of prolactin | 0.1-0.2 mg/kg PO or SC q8h |
| Aglepristone | Reduces progesterone levels, and hence encourages prolactin release | 15 mg/kg SC 59-60 days post-ovulation. Administration is only recommended 20-24h before cesarean section |
| Ocytocin | Local action stimulating the release of colostrum, but not its production | 0.5-2 I.U. SC q2h |
| Fenugreek or fennel supplementation | Stimulates milk secretion but mechanism unknown |
Oral administration; optimum dose
unknown
|
สิ่งทดแทนนมน้ำเหลือง
หากแม่สุนัขมีนมน้ำเหลืองปริมาณน้อยหรือไม่สามารถผลิตนมน้ำเหลืองได้เลยจำเป็นต้องหาสิ่งทดแทนเพื่อลดการตายของลูสุนัขแรกคลอด อย่างน้อยลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับพลังงานที่เพียงพอแต่หากสามารถเพิ่ม Ig ได้ด้วยจะยิ่งดี กรณีที่เหมาะสมที่สุดคือการมีแม่สุนัขที่พึ่งคลอดไม่เกิน 2-3 วันอีกตัวรับเอาลูกสุนัขไปเลี้ยงหรือทำการเก็บนมน้ำเหลืองจากแม่สุนัขตัวนั้นมาป้อนลูกอีกครอกหนึ่ง หากแม่บุญธรรมคลอดมาแล้วเกิน 2-3 วันจะยังคงมีปริมาณพลังงานเพียงพอแต่มีปริมาณ IgG ไม่เพียงพอเพราะน้ำนมทั่วไปจะมี IgG แค่ 1-2 g/L ต่างกับนมน้ำเหลืองที่มีอยู่ 20 g/L ดังนั้นลูกสุนัขจะต้องกินน้ำนมถึง 13-26 มิลลิกรัมถึงจะได้รับ IgG ในปริมาณที่เท่ากันเมื่อกินนมน้ำเหลือง1 มิลลิลิตร ในลูกแมวไม่พบว่าภูมิคุ้มกันสามารถถ่ายทอดไปยังลูกที่รับเลี้ยงได้อย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่มีข้อมูลในสุนัข [28] นมผงสำหรับสุนัขจะขาดอิมมูโนโกลบูลินที่จำเป็นและมีพลังงานอยู่ที่ 1 kcal/mL คิดเป็นครึ่งหนึ่งของปริมาณที่พบในนมน้ำเหลือง [29] ทำให้นมผงมีคุณค่าอาหารเพียงพอที่จะทดแทนนมน้ำเหลืองได้แต่ไม่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ลูกสุนัขได้
ซีรั่มที่ทำการเจาะจากสุนัขโตเต็มวัยจะมีอิมมูโนโกลบูลินอยู่แต่น้อยกว่าในนมน้ำเหลืองถึง 3 เท่า การทดลองป้อนซีรั่มสุนัขให้แก่ลูกสุนัขที่พึ่งเกิดและขาดนมน้ำเหลืองพบว่ามีปริมาณ IgG ในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น แต่ยังต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับนมน้ำเหลืองตามปกติ [18][19]
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาหนึ่ง [18] ที่ได้ทำการป้อนซีรั่มสุนัขแก่ลูกสุนัขแรกเกิดที่ขาดนมน้ำเหลืองพบว่ามีระดับ IgG ในกระแสเลือดสูงขึ้นจนน่าพอใจ เป็นการบอกว่าลูกสุนัขบางตัวอาจได้ประโยชน์จากการให้กินซีรั่มเป็นทางเลือกในการเพิ่มระดับความเข้มข้น IgG ให้ถึงระดับต่ำสุดที่ต้องการที่ 2.3 g/L ได้
ปัจจุบันมีความสนใจในการใช้นมน้ำเหลืองจากวัวเป็นแหล่งทดแทนอิมมูโนโกลบูลินเพราะเก็บได้ง่ายและมีมากเพียงแต่ยังไม่ได้รับการประเมินคุณค่าทางโภชนาการและการสร้างภูมิคุ้มกันในลูกสุนัชมากพอ IgY (จากไข่ไก่ที่สร้างภูมิคุ้มกัน) เป็นแหล่ง Ig ชั้นดีที่มีการศึกษาสนับสนุนว่าซีรั่มจากไข่ฟักที่ได้รับการฉีดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน(ต่อเชื้อ E.coli และ CPV2 เป็นต้น) เมื่อนำไปให้กับลูกสุนัขสามารสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ ผู้เขียนบทความมีการศึกษาที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์เกี่ยวกับการทดลองป้อน IgY ให้กับลูกสุนัขก่อนที่ผนังลำไส้จะปิดตัวพบว่าผลที่ได้คือลูกสุนัขมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้นรวมถึงมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์แรกหลังคลอด (แหล่งข้อมูลที่ไม่ได้ตีพิมพ์)
หากไม่สามารถหาสิ่งทดแทนนมน้ำเหลืองได้ สถานการณ์ที่เป็นไปได้ในปัจจุบันคือการทำธนาคารนมน้ำเหลืองซี่งมีการปฏิบัติกันอยู่ในม้าและปศุสัตว์ เจ้าของสุนัขสามารถเก็บนมน้ำเหลืองสองวันหลังคลอดเพื่อให้แน่ใจว่าลูกสุนัขในครอกนั้นเองได้รับนมน้ำเหลืองอย่างเพียงพอ การรีดนมสุนัขที่กำลังให้นมนั้นทำได้ง่าย หลังจากทำความสะอาดหัวนมด้วยสารที่มีส่วนผสมของchlorhexidine สามารถดูดเก็บนมน้ำเหลืองได้ปริมาณน้อยใส่หลอดพลาสติกแล้วแช่แข็ง (รูป6) นมน้ำเหลืองที่แช่แข็งสามารถนำมาละลายที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียสโดยห้ามใช้ไมโครเวฟในการอุ่น จากนั้นป้อนให้แก่ลูกสุนัขผ่านขวดนมหรือหลอดในขนาด 1.5 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 100 กรัมต่อวัน
สรุป
นมน้ำเหลืองในสุนัขเป็นสารคัดหลั่งที่มีองค์ประกอบเฉพาะตัวซึ่งตรงกับความต้องการของลูกสุนัขเช่นการส่งผ่านภูมิคุ้มกันจากแม่ พลังงาน และปัจจัยที่ส่งเสริมการเจริญของอวัยวะบางอย่าง ปริมาณของนมน้ำเหลืองที่ลูกสุนัขได้รับจะเป็นตัวจำกัดความอยู่รอดของลูกสุนัขบางตัวในครอก ผลกระทบของสารอาหารจากแม่ที่มีต่อปริมาณและคุณภาพของนมน้ำเหลืองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดต้องได้รับการศึกษาต่อไป หากสามารถพัฒนาสิ่งทดแทนหรืออาหารเสริมที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและให้พลังงานแก่ลูกสุนัขได้จะถือเป็นความก้าวหน้าในการควบคุมอัตราการตายของลูกสุนัขแรกคลอด
กิตติกรรมประกาศ
ผู้เขียนอยากขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ด้านนมน้ำเหลืองในสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Karine Reynaud, Elie Marcheteau, Marie-Blanche Bertieri, Jennifer Anne, Maelys Martin, Milène Gonnier, Lisa Rossig และ Stéphanie Coinus.
Sylvie Chastant
DVM, PhD, DiplECARE
สาธารณรัฐฝรั่งเศส
Sylvie CHASTANT เป็นสัตว์แพทย์ชาวฝรั่งเศสผู้มีความสนใจในงานสอนและการวิจัยประยุกต์ในด้านการสืบพันธุ์ เธอได้พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับสุนัขแรกเกิดและกุมารเวชศาสตร์ภายในทีมที่เปี่ยมไปด้วยพลังชื่อว่า Neocare ซึ่งอุทิศตัวให้กับการวิจัยเกี่ยวกับการสืบพันธุ์, สัตว์แรกเกิด, อายุรศาสตร์ของสัตว์แม่ลูกอ่อน โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับน้ำนมเหลือง (colostrum) น้ำนม น้ำหนักแรกเกิดและปัจจัยการอยู่รอดในลูกสุนัขและลูกแมว
Hanna Mila
DVM, PhD, Assistant Professor
สาธารณรัฐฝรั่งเศส
Hanna Mila จบการศึกษาจาก Wrocław Veterinary Faculty (Poland, 2009) เธอได้ทำงานในแผนกสูติศาสตร์สัตว์เล็กที่คณะของเธอเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นในปี 2012 เธอเข้าทำงานที่แผนกสูติศาสตร์สัตว์เล็กของ Veterinary School of Toulouse (France) ในเดือนกันยายน ปี 2015 เธอได้รับปริญญาเอกจากการทำงานเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดความอยู่รอดของลูกสุนัข ทุกวันนี้ Hanna Mila เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสุนัขและแมวที่ Veterinary School of Toulouse (France) ความสนใจด้านการวิจัยของเธอมุ่งเน้นไปที่ สุนัขแรกเกิดและสุนัขเด็ก โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงต่อการรอดชีวิตของลูกสุนัขและลูกแมว การเฝ้าติดตาม และ การจัดการในช่วงเดือนแรกหลังคลอด
แหล่งอ้างอิง
- Mila H, Grellet A, Chastant-Maillard S. Prognostic value of birth weight and early weight gain on neonatal and pediatric mortality: a longitudinal study on 870 puppies. In: Program and Abstracts, 7th ISCFR Symposium 2012;163-164.
- Gill MA. Perinatal and late neonatal mortality in the dog. University of Sydney 2001. PhD thesis; available at; http://ses.library.usyd.edu.au/bitstream/2123/4137/1/m_gill_thesis_2001.pdf Accessed 23rd September 2015.
- Mila H, Feugier A, Grellet A, et al. Inadequate passive immune transfer in puppies: definition, risk factors and prevention in a large multi-breed kennel. Prev Vet Med 2014;116(1-2):209-213.
- Mila H, Grellet A, Feugier A, et al. Differential impact of birth weight and early growth rate on neonatal mortality in puppies. J Anim Sci 2015;93(9):4436-4442.
- Adkins Y, Lepine AJ, Lonnerdal B. Changes in protein and nutrient composition of milk throughout lactation in dogs. Am J Vet Res 2001;62(8):1266-1272.
- Bebiak DM, Lawler DF, Reutzel LF. Nutrition and management of the dog. Vet Clin North Am Small Anim Pract 1987;17(3):505-533.
- Schäfer-Somi S, Bär-Schadler S, Aurich JE. Immunoglobulins in nasal secretions of dog puppies from birth to six weeks of age. Res Vet Sci 2005;78(2):143-150.
- Cost chescu E, Hoha G, Fotea L. Research regarding the lactating period of the bitch. Lucr tiin Ser Zooteh 2011;55:180-183.
- Norcross N. Secretion and composition of colostrum and milk. J Am Vet Med Assoc 1982;181(10):1057-1060.
- Chastant-Maillard S, Marcheteau E, Freyburger L, et al. Identification and quantification of immunoglobulins in canine colostrum – Quantification of colostral transfer. In Proceedings, 7th EVSSAR Congress 2010;107.
- Stoffel MH, Friess AE, Hartmann SH. Ultrastructural evidence of transplacental transport of immunoglobulin G in bitches. J Reprod Fertil 2000;118(2):315-326.
- Mila H, Feugier A, Grellet A, et al. Immunoglobulin G concentration in canine colostrum: evaluation and variability. J Reprod Immunol 2015;112:24-28.
- Hurley WL, Theil PK. Perspectives on immunoglobulins in colostrum and milk. Nutrients 2011;3(4):442-474.
- Levieux D, Ollier A. Bovine immunoglobulin G, lactalbumin and serum albumin in colostrum and milk during the early post-partum period. J Dairy Res 1999;66(03):421-430.
- White ME, Hathaway MR, Dayton WR, et al. The role of growth factors in canine and feline milk. 1996; Available at: http://agris.fao.org/agris-search/ search.do?recordID=US9620653. Accessed 18th August 2015.
- Center S, Randolph JF, Man Warren T, et al. Effect of colostrum ingestion on gamma-glutamyltransferase and alkaline phosphatase activities in neonatal pups. Am J Vet Res 1991;52(3):499-504.
- Wheeler TT, Hodgkinson AJ, Prosser CG, et al. Immune components of colostrum and milk – a historical perspective. J Mam Gland Biol Neoplasia 2007;12(4):237-247.
- Bouchard G, Plata-Madrid H, Youngquist RS, et al. Absorption of an alternate source of immunoglobulin in pups. Am J Vet Res 1992;53(2):230-233.
- Poffenbarger EM, Olson PN, Chandler ML, et al. Use of adult dog serum as a substitute for colostrum in the neonatal dog. Am J Vet Res 1991;52(8):1221-1224.
- Chastant-Maillard S, Freyburger L, Marcheteau E, et al. Timing of the intestinal barrier closure in puppies. Reprod Dom Anim 2012;47:190-193.
- Meloni T, Martino P, Grieco V, et al. A survey on bacterial involvement in neonatal mortality in dogs. Vet Ital 2014;50(4):293-299.
- Handl S, Wehr U, Zentek J, et al. Histological and immunohistochemical evaluation of duodenal and colonic biopsies after oral bovine lactoferrin supplementation in beagle puppies. J Anim Physiol Anim Nutr 2009;93(1):76-82.
- Salmon H, Berri M, Gerdts V, et al. Humoral and cellular factors of maternal immunity in swine. Dev Comp Immunol 2009;33(3):384-393.
- Mila H, Grellet A, Desario C, et al. Protection against canine parvovirus type 2 infection in puppies by colostrum-derived antibodies. J Nutr Sci 2014. Available at: http://journals.cambridge.org/article_S2048679014000573. Accessed 18 August 2015.
- Mila H, Grellet A, Feugier A, et al. Nutritional and immunological composition of canine colostrum. In Proceedings, 18th EVSSAR Congress 2015.
- Heird WC, Schwarz SM, Hansen IH. Colostrum-induced enteric mucosal growth in beagle puppies. Pediatr Res 1984;18(6):512-515.
- Schwarz SM, Heird WC. Effects of feeding on the small intestinal mucosa of beagle pups during the first 5 days of life. Am J Clin Nutr 1994;60(6):879- 886.
- Claus MA, Levy JK, MacDonald K, et al. Immunoglobulin concentrations in feline colostrum and milk, and the requirement of colostrum for passive transfer of immunity to neonatal kittens. J Feline Med Surg 2006;8(3):184- 191.
- Heinze CR, Freeman LM, Martin CR, et al. Comparison of the nutrient composition of commercial dog milk replacers with that of dog milk. J Am Vet Med Assoc 2014;244(12):1413-1422.